บัญชีที่โอนเงิน : |
|
รวบรวม 30 ที่เที่ยวในจังหวัดกระบี่ที่ไม่ควรพลาด
1.สระมรกต
ตั้งอยู่ที่อำเภอคลองท่อม ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประมง โดยมีต้นกำเนิดมาจากธารน้ำอุ่นในผืนป่าที่ราบต่ำภาคใต้ ไฮไลท์อยู่ที่นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมกับสระน้ำธรรมชาติที่มีสีเขียวเหมือนมรกตขนาดใหญ่ และมีความใสจนมองเห็นพื้นหินข้างล่างได้อย่างชัดเจน รอบ ๆ บริเวณยังมีศาลาเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อน ชมวิวทิวทัศน์ รวมถึงยังได้เพลิดเพลินกับการว่ายน้ำเล่น
สระมรกต เป็นสระน้ำธรรมชาติที่มีความสวยงาม มีลักษณะเป็นบ่อหินปูน น้ำใสสีเขียวมรกต สามารถลงเล่นน้ำได้ ท่ามกลางบรรยากาศป่าเขา ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม น้ำในสระมรกตสามารถเปลี่ยนสีไปได้ตามวันเวลาและสภาพแสง ซึ่งถือกำเนิดขึ้นมาจากธารน้ำอุ่น ในผืนป่าที่ราบต่ำภาคใต้ เป็นน้ำพุร้อนลักษณะเป็นสระน้ำร้อน 3 สระ ได้แก่ สระแก้ว สระมรกต และ สระน้ำผุด อุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ 30-50 องศาเซลเซียส
นอกจากสระมรกตแล้วบริเวณรอบๆยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ชนิดต่างๆ มีความร่มรื่น โดยเส้นทางการศึกษาธรรมชาติแห่งนี้มีชื่อว่า “เส้นทางศึกษาธรรมชาติทีนา โจลิฟฟ์ (ทุ่งเตียว) ซึ่งเป็นการตั้งชื่อตามชาวอังกฤษที่เป็นผู้ริเริ่มเส้นทางศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ มีระยะทางประมาณ 2.7 กิโลเมตร เพื่อให้นักเดินทางศึกษาได้ด้วยตนเอง
สระมรกต เป็นสระน้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ น้ำมีสีเขียวมรกต มาจากธารน้ำอุ่น ที่เป็นเป็นน้ำพุร้อน มีอุณหภูมิประมาณ 30-50 องศาเซลเซียส ค่ะ สามารถลงเล่นน้ำได้ ที่สระมรกตนั้นมีน้ำที่มีสีเขียวก็เพราะแบคทีเรีย และสาหร่ายในน้ำซึ่งจะทำให้น้ำมีสีต่างๆ แตกต่างกัน ภายในมีสะพานไม้ให้เดินเล่น ถ่ายรูปสวยๆ นอกจากนี้ยังเป็นเส้นทางเดินธรรมชาติ และเป็นที่อยู่ของนกนานาชนิดอีกด้วย
เวลา เปิดปิด : 8:30–16:30
ราคาค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท สำหรับคนไทย ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 200 บาท
เส้นทางการเดินทาง https://goo.gl/maps/Z3hJGuJaiDHFjq7UA
2.ทะเลแหวก
หนึ่งในที่เที่ยวสุดอันซีนของกระบี่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งมีที่มาจากปรากฏการณ์ธรรมชาติเมื่อยามน้ำลด ที่จะพัดพาเอาเม็ดทรายมารวมกัน ณ ที่นี้ และเผยให้เห็นแนวสันทรายยาวเชื่อมต่อได้ระหว่าง 3 เกาะ คือ เกาะไก่ เกาะหม้อ และเกาะทับ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นไป-มาระหว่างเกาะ ท่ามกลางบรรยากาศน้ำสวยทะเลใสของกระบี่
พูดถึงกระบี่ ใครๆ ก็ต้องนึกถึง ที่เที่ยวสุด Unseen Thailand อย่าง ทะเลแหวก กระบี่ ที่นี่เป็นกลุ่มของเกาะ 3 เกาะ ที่มีหาดทรายเชื่อมติดกัน คือ เกาะทับ เกาะหม้อ และ เกาะไก่ โดยเราสามารถเดินไปตามสันทรายได้ตอนน้ำลงนั่นเอง เราจะได้เดินอยู่กลางทะเลที่รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้ม ถ่ายรูปออกมา สวยอลังการแน่นอน
ทะเลแหวก หนึ่งใน Unseen จังหวัดกระบี่ เป็นสันทรายที่เชื่อมระหว่างเกาะไก่ เกาะทับ และเกาะหม้อ อยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ทะเลแหวกเกิดขึ้นเมื่อระดับน้ำลดลงต่ำสุดในแต่ละวัน เหมือนทะเลแหวกออกจนกลายเป็นหาดทรายขาวสะอาด เชื่อมเกาะทับกับเกาะหม้อได้อย่างน่าอัศจรรย์สามารถเดินข้ามสันทรายระหว่างเกาะได้ ช่วงที่เหมาะสมในการมาเที่ยวทะเลแหวกเป็นช่วงที่น้ำลงต่ำสุดในแต่ละวัน โดยเฉพาะในวันก่อนและหลังวันขึ้น 15 ค่ำ ราว 5 วัน เป็นช่วงเวลาที่ระดับน้ำลงต่ำสุดชายหาดที่เกิดจากสันทรายของทะเลแหวน เป็นหาดทรายขาว น้ำทะเลใส สามารถลงเล่นน้ำได้ แต่ควรใส่เสื้อชูชีพ เพื่อความปลอดภัย นักท่องเที่ยวที่ใช้บริการ One day trip กับทัวร์ มักจะมาถึงบริเวณนี้ช่วงใกล้เที่ยง และรับประทานอาหารกลางวันที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (ทะเลแหวก) ในเวลาที่น้ำลงสามารถเดินไปมาระหว่างเกาะทับกับเกาะหม้อได้ บริเวณรอบๆ เกาะจะมีกองหิน ซึ่งค่อนข้างคม และ ลื่น ควรระมัดระวังอันตราย
เส้นทางการเดินทาง https://goo.gl/maps/2EbUiFW7BhuEFaqo8
3.อ่าวนาง
อ่าวนาง เป็นหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของกระบี่ ด้วยเพราะเป็นจุดต่อเรือไปยังที่ต่าง ๆ ได้สะดวก จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะเข้ามาเที่ยวที่อ่าวนางเป็นจำนวนมาก มีลักษณะเป็นหาดทรายทอดยาว มีถนนเลียบชายหาด มีภูเขาคั่นระหว่างชายหาด ทิวทัศน์โดยรอบสวยงามแปลกตา และยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม
อ่าวนาง เป็นชายหาดสวยชื่อดังของจังหวัดกระบี่ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาพักที่นี่ เพราะเป็นหาดที่มีที่พักเยอะมากให้เลือกตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปยันหลักหมื่นเลยทีเดียว มีร้านค้าต่างๆ มากมาย และยังมีวิวทะเลที่สวยงาม อีกทั้งยังเป็นจุดต่อเรือสำหรับไปเที่ยว One day Trip ตามเกาะต่างๆ ทั้ง เกาะไก่ เกาะปอดะ เกาะทับ ทะเลแหวก เกาะห้อง เกาะพีพี และอื่นๆ อีกมากมาย สุดหาดทางด้านซ้ายเป็นภูเขาหินปูนกั้นหาดอ่าวนางกับหาดไร่เลย์
หาดที่เป็นเหมือน ท่าเรือไปยังเกาะอื่นๆ ของ กระบี่ ที่หลายๆ คนนึกถึง คงจะหนีไม่พ้น หาดอ่าวนาง อย่างแน่นอนค่ะ เพราะถ้าจะไปหาดดังๆ เกาะอื่นๆ อย่าง หาดไร่เลย์ หาดถ้ำพระนาง เกาะปอดะ ก็ต้องมาที่นี่ แต่จริงๆ แล้วที่หาดนี้ก็มีที่เที่ยวไม่น้อยเลยนะคะ จะมีอะไรบ้างนั้น ไปกันเลยค่ะ หาดอ่าวนาง ตั้งอยู่ใน อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตำบลอ่างนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแหล่งหนึ่งของจังหวัดกระบี่เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะมีทั้งชายหาดที่สวยงาม แหล่งช้อปปิ้งของนักท่องเที่ยว และยังเป็นท่าเทียบเรือที่สามารถตรงไปยังเกาะต่างๆ ที่ใกล้เคียงได้อีกด้วยค่ะ ทำให้เป็นจุดหมายหลักของการมาเที่ยวกระบี่เลยค่ะ บริเวณ หาดอ่าวนาง นั้น จะเต็มไปด้วยเกาะแก่ง ที่มีวิวรอบๆ สวยงามแปลกตากว่าหาดอื่นๆ เพราะบริเวณด้านหนึ่งของอ่าวจะเป็นภูเขา มีถ้ำหินงอกหินย้อย ที่เรียกกันว่า ถ้ำพระนาง นั่นเองค่ะ ภายในถ้ำก็จะเป็นหินงอกหินย้อย ซ้อนกันเป็นชั้นๆ และมีหาดทรายสวยงามมากมาย ทั้ง หาดไร่เลย์ หาดถ้ำพระนาง หาดน้ำเมา แต่ทั้ง 3 หาดนี้ จะไม่สามารถขับรถไปได้เพราะจะมีภูเขากั้นไว้ ทำให้ต้องเช่าเรือจาก อ่าวนาง ไปนั่นเองค่ะ นอกจากนี้บริเวณ อ่าวนาง ก็ยังเต็มไปด้วยเกาะเยอะแยะเลย ไม่ว่าจะเป็น เกาะไก่ เกาะหม้อ และ เกาะปอดะ ที่จะมีรูปร่างแตกต่างกันไป จะถูกเรียกกันไปตามจินตนาการของแต่ละคนเลยค่ะ และด้วยความที่ อ่าวนาง เป็นจุดต่อเรือไปยังที่ต่างๆ ได้สะดวก ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาพักที่ อ่าวนาง กันค่ะ เลยทำให้มีโรงแรมหลายระดับมากมาย ตั้งแต่ราคาเบาๆ ไปจนราคาหลักหมื่นค่ะ ในส่วนของ หาดอ่าวนาง ก็จะมีพื้นที่ชายหาดยาวกว่า 2 กิโลเมตร ถ้ามองไปจะเห็นชาวต่างชาตินิยมมานอนอาบแดด และออกกำลังกายริมชายหาดกัน และสามารถเล่นน้ำได้ค่ะ บริเวณที่แนะนำให้เล่นน้ำจะเป็นฝั่งซ้ายของหาดค่ะ เพราะตรงกลางหาดจะเป็นที่จอดเรือหางยาวค่ะ อาจจะเกิดความอันตรายได้ค่ะ มาเที่ยว กระบี่ แล้วจะไม่มาที่ หาดอ่าวนาง ก็เหมือนมาไม่ถึงกระบี่นั่นเองค่ะ ไม่เพียงแต่จะเป็นท่าเรือไปเกาะอื่นๆ เท่านั้น แต่ หาดอ่างนาง เอง ก็มีที่เที่ยวเยอะแยะมากมาย สามารถนั่งชิลริมหาด เล่นน้ำทะเล หรือจะดื่มด่ำกับบรรยากาศยามค่ำคืนก็ดีไม่น้อยเลยค่ะ
เส้นทางการเดินทาง https://goo.gl/maps/4eojgctK6o9DGnpo6
4.ป่าพรุท่าปอม คลองสองน้ำ
ท่าปอมตั้งอยู่ที่บ้านหนองจิก ที่นี่มีแหล่งน้ำจืดที่ใสสะอาดเสียจนมองเห็นพื้นน้ำเบื้องล่าง ประดับด้วยรากไม้ป่าหลุมพีที่เลื้อยไปเลื้อยมา ยิ่งเมื่อแดดสาดแสงลงมาจับต้องแอ่งน้ำเหล่านี้ ยิ่งก่อให้เกิดประกายระยิบระยับ นักท่องเที่ยวจะได้เดินชมธรรมชาติบนสะพานไม้ระแนง ทอดตัวเลื้อยไปตามแอ่งน้ำ บางช่วงมีเก้าอี้ไม้นั่งพัก นั่งชมทัศนียภาพสองข้างทาง หรือเติมดีกรีผจญภัยอีกนิดด้วยการพายคายักล่องไปตามแนวป่าโกงกาง
คลองท่าปอม เป็นลำธารสายสั้นๆ ยาวประมาณ 5 กิโลเมตร กำเนิดจากแอ่งน้ำผุดบนเขาช่องพระแก้ว ไหลผ่านสระน้ำกลางป่าก่อนที่ไหลลงสู่ทะเลอันดามัน โดยคลองท่าปอมอยู่บริเวณรอยต่อของน้ำจืดกับน้ำเค็มพอดี ยามน้ำทะเลหนุนสูง น้ำในคลองที่จืดสนิทจะกลายเป็นน้ำกร่อย ครั้นพอน้ำลง น้ำจืดจากป่าต้นน้ำก็จะดันน้ำทะเลออกหมด ทำให้พื้นที่ธารน้ำท่าปอมเป็นป่าพรุ ที่มีลักษณะพิเศษคือ มีน้ำเค็มและน้ำจืดไหลมาบรรจบกัน มีพื้นที่ราว 300 ไร่ กลายเป็นระบบนิเวศเล็กๆ อันชวนพิศวง เพราะนอกจากจะเป็นรอยต่อ 2 น้ำแล้ว ยังทำให้เกิดจุดบรรจบของ 3 ป่าอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มีป่าโกงกาง พังกาหัวสุม ไม้พืชป่าชายเลน อยู่ร่วมกับชมพู่น้ำ ไม้ป่าพรุอย่างกลมกลืน โดยมีหลาวชะโอน ไม้ป่าดิบชื้น คลองท่าปอมหรือคลองสองน้ำ คลองแห่งนี้น้ำใสราวกระจก มองดูเป็นสีเขียวมรกต เนื่องจากมีสารละลายหินปูนหรือแคลเซียมคาร์บอร์เนตและกำมะถันปนอยู่มาก เป็นพื้นที่ซึ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง ทั้งระบบนิเวศแบบป่าพรุน้ำจืด แบบพื้นที่ชุ่มน้ำ แบบป่าดิบ และแบบป่าชายเลน จึงเป็นที่อยู่อาศัยของทั้งปลาน้ำจืดและน้ำกร่อย
ท่าปอมคลองสองน้ำ อีกหนึ่งที่เที่ยวในกระบี่ ที่พลาดไม่ได้เลยทีเดียวค่ะ ที่นี่เป็นธารน้ำที่มีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ เนื่องจากมีทั้งช่วงที่น้ำจืดและช่วงที่มีน้ำกร่อย ตามช่วงน้ำขึ้น-ลง ภายใต้ลำธารที่ใสสะอาด น้ำในคลองก็จะใสราวกับกระจก สีเขียวอมฟ้า สวยงามมากๆ อีกทั้งยังอุดมไปด้วยหญ้าทะเล และฝูงปลาตัวเล็ก ที่นี่เป็นแหล่งศึกษาเชิงนิเวศวิทยาอย่างดี และมีความหลากหลายทางธรรมชาติมากอีกที่หนึ่งในไทยเลยทีเดียว
หลายๆ คนอาจจะได้รู้จักที่เที่ยวดังๆ ของ กระบี่ กัน อย่าง น้ำตกร้อนคลองท่อม หรือ เกาะสวยๆ ตามทะเล แต่วันนี้เราจะพาไป ที่เที่ยวลับ อีกแห่งหนึ่งของกระบี่ ที่มีความอันซีนสุดๆ อย่าง ท่าปอมคลองสองน้ำ กันค่ะ ที่นี่มีความอันซีนใสใสของน้ำ ที่ใครได้เห็นรับรองว่าจะต้องร้องว้าวค่ะ ท่าปอมคลองสองน้ำ ตั้งอยู่ที่ ตำบลเขาคราม อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ท่าปอม เป็นชื่อของคลองสายสั้นๆ ยาวประมาณ 5 กิโลเมตร มีต้นน้ำเป็นน้ำผุดบนเขาช่องพระแก้ว ปลายทางของน้ำในคลองนี้จะออกสู่ทะเลอันดามัน ตอนที่น้ำทะเลลง น้ำจืดจากคลองจะไหลสู่ทะเล ทำให้คลองนี้กลายเป็นคลองน้ำจืด น้ำในคลองก็จะใสราวกับกระจก สีเขียวอมฟ้า มองแล้วสวยงามมากๆ เลยค่ะ ส่วนในตอนที่ น้ำทะเลขึ้น น้ำทะเลจะไหลเข้ามาในคลอง และทำให้คลองกลายเป็นน้ำเค็มและน้ำกร่อย น้ำก็จะขุ่น ปลาทะเลจะพากันว่ายน้ำเข้ามาหาอาหารในคลอง และกลับออกไปในตอนที่น้ำทะเลลงนั่นเองค่ะ เลยเป็นเหตุผลของชื่อ ท่าปอม คลองสองน้ำ เพราะน้ำทะเลที่ขึ้นและลง ทำให้ท่าปอมกลายเป็นทั้งคลองน้ำจืด และ คลองน้ำเค็ม นั่นเองค่ะ ต้นน้ำของที่นี่ ด้วยความที่เป็นน้ำผุด ทำให้เป็นแหล่งระบบนิเวศน์แบบป่าพรุ ป่าดิบชื้น และมีป่าชายเลน ติดกับทะเล ท่าปอมคลองสองน้ำ เรียกได้ว่าเป็นความอันซีนจากธรรมชาติอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะป่าพรุ ป่าดิบชื้น กับ ป่าชายเลน อยู่ด้วยกันอย่างไม่มีสิ่งไหนทำลายกัน มีความหลากหลายทางธรรมชาติเป็นอย่างมาก เป็นแหล่งศึกษาเชิงนิเวศวิทยาอย่างดีเลยค่ะ ภายใน ท่าปอมคลองสองน้ำ จะมีสะพานยาว 700 เมตร ไว้สำหรับเดินศึกษาธรรมชาติ สองข้างทางจะเป็นป่าดิบชื้น ป่าพรุน้ำจืด และป่าชายเลน เป็นเส้นทางเดินแบบวงกลม เมื่อเดินไปได้ไม่นานก็จะเจอกับ บ่อน้ำใส สีฟ้าอมเขียว ที่สวยอย่างน่าอัศจรรย์อยู่ตรงหน้า แต่ถึงแม้ว่าน้ำจะใสมาก ก็ห้ามนำไปดื่มและกินนะคะ เพราะมีปริมาณสารหินปูนอยู่ในน้ำสูงมากค่ะ จะเป็นอันตรายได้ค่ะ เป็นสถานที่ท่องเที่ยว กระบี่ ที่มีความสวยงามและอันซีนมากๆ เป็นอีก ที่เที่ยวลับ ที่สวยงามไม่แพ้น้ำตกร้อน และ สระมรกตดังๆ ของจังหวัดเลย ถ้าใครที่ชื่นชอบแนวท่องเที่ยวชมความสวยงามของธรรมชาติ ก็แนะนำให้มาที่ ท่าปอมคลองสองน้ำ เลยค่ะ รับรองว่าต้องถูกใจอย่างแน่นอน
เวลา เปิดปิด : 8:00–17:00
ช่วงเวลาที่ควรไป : เช็คน้ำขึ้นน้ำลง ถ้าน้ำลง น้ำจะใส
ราคาค่าเข้า : ค่าเข้าชม คนไทย เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท ชาวต่างชาติ เด็ก 30 บาท ผู้ใหญ่ 50 บาท
เส้นทางการเดินทาง https://goo.gl/maps/BeUjGs8Kgso9gYMYA
5.น้ำตกร้อนคลองท่อม
ตั้งอยู่ในเขตอำเภอคลองท่อม บริเวณบ้านบางคราม-บ้านบางเตียว มีลักษณะเป็นอ่างเก็บน้ำธรรมชาติกลางป่ารองรับน้ำตก ที่ไหลมาพร้อมกับสายน้ำแร่ และเป็นธารน้ำพุร้อนผุดที่ขึ้นมาจากใต้ดินตามธรรมชาติ ในอุณหภูมิพอเหมาะที่นักท่องเที่ยวสามารถลงไปแช่ได้ ซึ่งเชื่อกันว่าสามารถบำบัดอาการไขข้ออักเสบ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และเกี่ยวกับผิวหนัง
นับเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว unseen Thailand อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกระบี่ ตัวน้ำตกตั้งอยู่ใน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ซึ่งก็ใกล้ๆ กับสระมรกต เป็นอ่างอาบน้ำธรรมชาติกลางป่ารองรับ สายน้ำตก ที่ไหลหลั่นลง มาจากเนินเขา ใครได้มาสัมผัสต่างบอกกันว่า ไม่ใช่น้ำตกธรรมดาๆ แน่นอน ก็ใครจะเชื่อว่า นี่คือน้ำตกร้อน สายน้ำแร่ ที่ไหลมาพร้อมๆ กับไออุ่นเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ มีลักษณะ เป็นธารน้ำพุร้อนผุด ขึ้นมาจากใต้ดินตาม ธรรมชาติ มีสารกำมะถัน เจือจางเป็นส่วนประกอบ มีอุณหภูมิพอเหมาะตกลงมาในแอ่งสามารถอาบน้ำได้ บริเวณ ธารน้ำตกร้อนขนาดเล็ก ที่ไหลลดหลั่นกันมาตามธรรมชาติ ในน้ำพุร้อนประกอบไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ ที่ช่วยให้ผ่อน คลายเชื่อว่าสามารถบำบัดอาการไขข้ออักเสบ ปวดหลัง และเกี่ยวกับผิวหนังได้
เวลา เปิดปิด : 08.30 - 17.00 น
ราคาค่าเข้า : คนไทย เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท ต่างชาติ เด็ก 100 บาท ผู้ใหญ่ 200 บาท
เส้นทางการเดินทาง https://goo.gl/maps/QpGWnLM6oYDGFQ7y9
6.หาดถ้ำพระนาง
หาดถ้ำพระนาง อยู่ในเขต ต.อ่าวนาง จะกระบี่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในโปรแรกมท่องเที่ยว ทัวร์ สี่ เกาะ เกาะปอดะ เกาะทับ(ทะเลแหวก) เกาะไก่ และ หาดถ้ำพระนาง ที่นี่คือ 1 ใน ไฮไลท์แหล่งท่องเทียวทางทะเลของกระบี่ มุมอัศจรรย์มุมนี้ต้อง เดินลึกเข้าไปจนสุดชายหาด อันเป็นที่ตั้งของ ถ้ำพระนาง ด้วยเป็นที่สถิตของ พระนางอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวเรือแถบนี้เคารพสักการะ มุมมองนี้เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใด คือเมื่อเข้าไปอยู่ภายในถ้ำมองออกมาจะเห็นปากโพรงถ้ำ มีหินย้อยลงมาเป็นฉากระย้า สวยงาม มีท้องทะเลกว้างและเกาะน้อยใหญ่เรียงรายในยามพระอาทิตย์ตก จะเป็นมุมมองสวยงามแปลกตา น่าทึ่งที่สุดแห่งหนึ่ง ในเมืองไทย บรรยากาศในช่วงเวลากลางวัน ณ อ่าวถ้ำพระนาง แห่งนี้จะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งนักท่องเที่ยวที่ซื้อตั๋วเรือเมล์มาจากสหกรณ์เรือหางยาวอ่าวนาง ,นักท่องเที่ยวที่ซื้อโปรแกรม ทัวร์ทะเลแหวก – หมู่เกาะปอดะ - อ่าวถ้ำพระนาง”และ นักท่องเที่ยวที่เดินเท้ามาเองจากหาดไร่เลย์ แต่พอถึงช่วงเวลาเย็นเมื่อ นักท่องเที่ยวเหล่านี้เริ่ม ทยอยกัน เดินทางกลับสู่ที่พัก บรรยากาศบริเวณอ่าวถ้ำพระนางก็จะกลับเข้าสู่ความสงบงามอีกครั้ง เนื่องจากถ้ำพระนางนั้นมีชายหาดซึ่งหันเข้าสู่ทิศตะวันตก ในยามเย็นนักท่องเที่ยวที่พักค้างแรมอยู่ตามรีสอร์ทต่าง ๆ บริเวณ หาดไร่เลย์ – อ่าวถ้ำพระนางจึงสามารถมานั่งรอชมพระอาทิตย์ตกบริเวณด้านหน้าอ่าวแห่งนี้ได้ และหากนักท่องเที่ยว เลือกเดิน ทางมาเยือนอ่าวถ้ำพระนางในยามย่ำสนธยาของคืนเดือนมืดที่คลื่นลมทะเลสงบราบเรียบแล้วล่ะก็ นักท่องเที่ยว อาจจะ ได้พบ เห็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์พันลึกที่หาชมได้ยากยิ่ง ณ ท้องทะเลด้านหน้าอ่าวแห่งนี้ด้วย นั่นก็คือปรากฏการณ์ “พรายน้ำ” ปรากฏการณ์ “พรายน้ำ” เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติซึ่งเกิดขึ้นเมื่อนักท่องเที่ยวโยนก้อนหิน ก้อนกรวด หรือนำร่างกายลงไป สัมผัส กับพื้นผิวน้ำบริเวณด้านหน้าอ่าวถ้ำพระนางแล้วมีแสงสว่างวาบขึ้นมา ณ จุดสัมผัสชั่วขณะหนึ่งก่อนจะเลือนหายไป นอกจากนี้ ถ้ำพระนาง เป็นศาลของเทพธิดา ล้อมรอบสิ่งของที่ชาวบ้านนำมาแก้บน นั่นคือไม้แกะสลักที่เรียกว่า ปลัดขิก มีขนาดและ สีสันที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับสถานที่ต่างๆในโลก แต่ที่นี่มันความเชื่อของมนุษย์ในจิตวิญญาณความเป็น อยู่ของทุก สิ่งที่เคลื่อน ไหวอย่างเช่น (นก, ปลา,สัตว์เลื้อยคลานเลี้ยงลูก ด้วยนม,แมลง) รวมทั้งเซื่องซึมเป็น (พืช,หิน,แม่น้ำ,ทะเล,ภูเขา และที่ดินมาก พวกเรายืนอยู่มื่อเรื่องเล่าของชาวบ้านแสดงให้เห็นว่าสมัยก่อน มีเรือพระราช จมนอกชายฝั่งคาบสมุทร และมีพระนาง กับเจ้าหญิง ชาวอินเดียชื่อ ศรีกุลเทวีลอยอยู่บนกระดาน เพราะเธอจมน้ำไปพร้อมกับเรือในทะเลซึ่งเชื่อกันว่า ชีวิตของ เธอไม่เคย สมหวังในเรื่อง ต่างๆ และยังเชือกับว่าวิณญาณของเธอได้สิงสถิดอยู่ที่ศาลแห่งนี้จนถึงบัดนี้ เป็นที่เชื่อกันในหมู่ชาวบ้านที่นี่ ว่าวิญญาณของ พระนาง(เทพธิดา)อยู่ในถ้ำนี้ชาวประมงก่อนที่จะออกไปทะเลจำเป็นที่จะต้องมา ขอพรจากพระนางก่อนแล้วจะ โชคดีและ สมปรารถนาของพวกเขาที่ปรารถนาไว้ และเชื่อว่าสมปรารถนา,การทำพิธี บนจะทำที่ศาลเจ้าส่วนใหญ่จะ เป็นอาหาร และดอกไม้ ธูปเทียนแต่โดยปกติแล้วจิตวิญญาณของ เทพธิดาตามที่เชื่อกันว่าสิ่งที่ ท่านต้องได้รับเป็นสิ่งตอบแทนเป็นพิเศษ คือ ปลัดขิกตอนนี้ คนไทยไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไร ไม่ว่าจะศาสนาพุทธหรือศาสนาอิสลามที่มีความเชื่อเรื่องของ ปลัดขิก ที่ศักดิ์สิทธิ์ และหากสร้าง ถวายศาลเจ้า จะเชื่อว่าจะมีความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรืองของโลกทั้งโลกและมนุษย์ ไม่ว่าที่มาและ ความเชื่อว่าวิญญาณ หญิงสาว ที่มีประสิทธิภาพและเป็นกฎของคาบสมุทรแห่งนี้เป็นที่ชัดเจนโดยการบูชาอย่างต่อเนื่อง ของคน ในท้องถิ่น ถ้ำพระนาง ถือว่ามีความสำคัญทางจิตวิญญาณที่ดีสำหรับพวกเขา ชาวประมงเหล่านั้นที่นับถือศาสนาอิสลามจะบูชา และมีความเชื่อโดย ไม่คำนึงถึง ทางศาสนาของพวกเขา และพวกเขาเชื่อถือว่าเป็นเรื่องจริง เพื่อความเชื่อมั่นว่า โชคชะตาและ ความเจริญรุ่งเรืองของ พวกเขาจะเชื่อมโยงไปยังที่ของเจ้าหญิงในตำนาน พวกเขายังคงให้การเสนอ ขายปกติของข้าว ผลไม้,น้ำ ธูป, ดอกไม้และ ปลัดขิก สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปีทุกช่วงฤดูกาล แต่ในช่วงฤดูฝนควรใช้ความระมัดระวังในการลงเล่นน้ำทะเล เนื่องจากคลื่นลมแรง และมีแมงกะพรุนชุกชุม เชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่สถิตของพระนางอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งชาวเรือแถบนี้เคารพสักการะ หากแต่สวยงามน่าประทับใจ ลองนักท่องเที่ยวเข้าไปอยู่ภายในถ้ำ และมองออกมาข้างนอก ปากโพรงถ้ำจะมีหินย้อยลงมาเป็นฉากระย้าสวยงาม มีท้องทะเลกว้างและเกาะน้อยใหญ่เรียงราย ในยามพระอาทิตย์ตกจะเป็นมุมมองสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย
เส้นทางการเดินทาง https://goo.gl/maps/aZ1dghQRnDxRoucT9
7.หมู่เกาะห้อง
ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีทัศนียภาพสวยงามมาก ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีคราม มีกัลปังหาและปะการังรอบเกาะ มีเวิ้งหาดสองหาดติดกันโดยกั้นด้วยโขดหินตรงกลาง น้ำทะเลใส หาดทรายขาว มีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเหมาะแก่การดำน้ำ ตกปลา
8.หาดไร่เลย์
หาดไร่เลย์ ตั้งอยู่ในตำบลอ่าวนาง เป็นที่รู้จักดีในหมู่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมปีนหน้าผา และสามารถปีนได้ตลอดทั้งปี และถูกภูเขาล้อมรอบทุกด้าน ทำให้ผู้คนที่จะเดินทางมาเที่ยวหาดไร่เลต้องนั่งเรือเพียงอย่างเดียว ซึ่งนี่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งทำให้ชาวบ้านที่หาดไร่เลย์ ยังไม่ถูกเทคโนโลยีหรือความเจริญกลืนกิน รวมถึงวิถีชีวิตของหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ที่ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย
9.น้ำตกธารโบกขรณี
ตั้งอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี มีลักษณะเป็นธารน้ำธรรมชาติไหลลงมายังแอ่งน้ำน้อยใหญ่ไล่ระดับกัน นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ บรรยากาศร่มรื่นและสามารถเห็นทัศนียภาพของรากไม้ต่าง ๆ ที่ชอนไชอยู่ตามแอ่งน้ำอย่างสวยงาม
10.วัดถ้ำเสือ
ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่ประมาณ 5-6 กิโลเมตร เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ พลาดไม่ได้กับการสักการะขอพรจาก "เจ้าแม่กวนอิม" ซึ่งตั้งประดิษฐานอยู่ภายในวัด สูงเด่นเป็นสง่า รวมถึงการพิชิตบันได 1,200 ขั้น เพื่อขึ้นไปสักการะ "พระธาตุเจดีย์ระฆังใหญ่" ซึ่งตั้งอยู่บนดอย อีกทั้งยังมองเห็นทิวทัศน์กระบี่ได้โดยรอบ
11. สุสานหอย
ตั้งอยู่ที่ชายทะเลบ้านแหลมโพธิ์ ห่างจากตัวเมืองกระบี่ประมาณ 17 กิโลเมตร สภาพเป็นลานหินกว้างยื่นลงไปในทะเล เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ จะเห็นเป็นซากหอยอัดแน่นจนกลายเป็นหาดหินริมทะเล ทั้งนี้ สุสานหอย คือซากดึกดำบรรพ์ของหอยขมน้ำจืด ที่ทับถมจับตัวกันบนชั้นหินลิกไนต์และหินดินดาน กลายเป็นลานหินขนาดกว้างใหญ่อยู่ริมทะเล
12.หมู่เกาะปอดะ
ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอ่าวนาง ห่างจากฝั่งประมาณ 8 กิโลเมตร เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาว น้ำทะเลใส บริเวณชายฝั่งของเกาะจะมองเห็นแนวปะการังหลากชนิดที่ยังสมบูรณ์ จึงเป็นแหล่งดึงดูดของนักท่องเที่ยวให้เที่ยวชมได้เกือบตลอดปี และเป็นจุดที่ตกปลาได้ดีเพราะไม่ได้รับผลกระทบจากลมมรสุมมากนัก สามารถเช่าเรือได้จากบริเวณอ่าวนาง
13.หาดนพรัตน์ธารา
เดิมชาวบ้านเรียกว่า "หาดคลองแห้ง" เพราะเมื่อน้ำลง น้ำคลองที่ไหลมาจากภูเขาทางด้านเหนือจะแห้งขอดกลายเป็นหาดทรายยาวเหยียดทอดลงไปในทะเล บรรจบกับเกาะเขาปากคลอง บริเวณหาดเป็นทรายละเอียดปะปนด้วยเปลือกหอยเล็ก ๆ ประดับด้วยทิวสนเรียงรายตามชายทะเลยาวเหยียด เมื่อน้ำลงจนแห้งสามารถเดินไปยังเกาะเล็ก ๆ บริเวณหน้าชายหาดได้
14.หาดคลองโขง
เป็นหาดเดียวบนเกาะลันตาใหญ่ที่หาดทรายปะปนไปกับเศษปะการังแปลกตา เป็นอีกหาดที่เงียบสงบไม่พลุกพล่าน ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะเป็นแนวแบ็คแพ็กเกอร์ ช่วงที่เหมาะกับการเล่นน้ำคือช่วงน้ำขึ้น ส่วนช่วงน้ำลดหาดคลองโขงจะปรากฏให้เห็นแนวตะกอนดินจำนวนมาก และชาวบ้านจะออกมาเก็บหอย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมวิถีชีวิตเหล่านี้ได้อย่างใกล้ชิด
15.เกาะลันตา
ประกอบด้วย เกาะลันตาใหญ่ และเกาะลันตาน้อย โดดเด่นด้วยชายหาดยาวเรียงรายต่อเนื่องกันถึง 13 หาด เพียบพร้อมด้วยที่พักหลากสไตล์ หลายราคา รวมถึงนักท่องเที่ยวยังจะได้สัมผัสเสน่ห์วิถีชุมชนที่แสนสงบของชาวไทย-จีน ชาวไทย-มุสลิม ที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข
16.เกาะไก่
เป็นหนึ่งในสามเกาะที่ทำให้เกิดสันทรายที่เราเรียกว่า "ทะเลแหวก" ที่เรียกว่าเกาะไก่ก็เพราะว่าทางด้านปลายสุดของเกาะมีหินแหลม ๆ เมื่อมองขึ้นไปแล้วคล้ายคอไก่ เป็นเกาะที่ไม่มีหาดทราย แต่จุดเด่นของที่นี่คือน้ำทะเลที่ใสแจ๋ว มองเห็นปลาแหวกว่ายอยู่เต็มไปหมด เป็นอีกหนึ่งจุดดำน้ำที่สวยแห่งหนึ่งของทะเลกระบี่เลยทีเดียว
17.อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา
เป็นอุทยานทางบกแห่งเดียวของจังหวัดกระบี่ ประกอบด้วยเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนในแนวเหนือจรดใต้ มียอดเขาพนมเบญจาซึ่งสูง 1,397 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งสูงที่สุดในกระบี่ นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมกับทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงามทั้งลำธาร น้ำตก ถ้ำ และมีสัตว์ป่านานาชนิด เช่น สมเสร็จ เลียงผา หมีควาย เสือปลา และมีนกที่สามารถพบเห็นได้มากมาย เช่น นกอินทรี นกเงือก นกหัวขวาน เป็นต้น
18.ถนนคนเดินกระบี่
ตั้งอยู่บริเวณถนนมหาราช ซอย 8 ละลานตาด้วยสินค้ามากมายหลากหลาย ลิ้มรสอาหารไทยหลากหลายชนิด เดินช้อปสินค้าต่าง ๆ เสื้อผ้า รองเท้า ของประดับตามสมัยนิยม รวมถึงเพลิดเพลินไปกับการแสดงดนตรี ที่สลับสับเปลี่ยนมาให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันในแต่ละสัปดาห์ ถนนคนเดินกระบี่แห่งนี้จะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ตะลุยความสนุกตั้งแต่วันศุกร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ถนนคนเดินกระบี่ Krabi Walking Street
19.อ่าวมาหยา
ตั้งอยู่บนเกาะพีพีเล เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวจากภาพยนตร์เรื่อง เดอะ บีช (The Beach) ลักษณะอ่าวเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์ น้ำทะเลสีเขียวมรกตสดใส กับหาดทรายสีขาวบริสุทธิ์นุ่มเท้าด้วย ที่เรียกร้องให้นักท่องเที่ยวอยากมาสัมผัสบรรยากาศทะเลที่แสนงดงามแห่งนี้ด้วยตาตัวเอง
20.เกาะจำ
ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลเกาะศรีบอยา มีทั้งหมด 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านเกาะปู หมู่บ้านเกาะจำ และหมู่บ้านติงไหร ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงมีวิถีชีวิตเฉกเช่นชาวเล รวมถึงยังทำสวนยางพารา เสน่ห์อย่างหนึ่งของที่นี่ นั่นคือ ความเงียบสงบ ด้วยเพราะยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว จึงเหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนอย่างแท้จริง
21.เขาหงอนนาค
จุดชมวิวที่ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี การขึ้นไปยังจุดชมวิวแห่งนี้ นักท่องเที่ยวจำเป็นที่จะต้องไต่ระดับความสูงเดินขึ้นเขาเป็นระยะทางเกือบ 4 กิโลเมตร โดยในวันที่อากาศสดใส ก็จะเห็นน้ำทะเลสีฟ้าครามและป่าไม้สีเขียวสะท้อนตาอย่างงดงาม บางวันมีเมฆหมอกปกคลุมบาง ๆ ลมพัดเย็นตลอดวัน ยิ่งในช่วงหน้าหนาวอากาศจะเย็นสบาย รับรองว่าคุ้มค่าแก่การไต่ขึ้นมาอย่างแน่นอน
22.เกาะรอก
ตั้งอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา มีชื่อเสียงเรื่องความสวยงามและน้ำทะเลใส หาดทรายขาวเนียนละเอียดเหมือนแป้ง อีกทั้งยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยปลาทะเลสวยงาม เหมาะสำหรับเป็นจุดดำน้ำตื้น รอบ ๆ เกาะรอกยังมีพื้นที่ป่าให้เดินชมโดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปยังจุดชมวิว และมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติขึ้นไปยอดเขา ที่สามารถมองเห็นผืนน้ำทะเลได้อย่างสวยงาม
23.หาดลิง
อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของเกาะพีพี ชายหาดมีเม็ดทรายขาวใส ทะเลสวย อีกทั้งที่นี่ยังเป็นอาณาจักรของลิงแสม ที่คุ้นเคยกับนักท่องเที่ยว มายืนคอยต้อนรับกันเป็นจำนวนมาก และยังคอยทำหน้าที่เป็นเหมือนองครักษ์พิทักษ์หาด ถ้าใครอยากทำความคุ้นเคยกับลิงที่นี่ เพียงแค่ถืออาหารเข้าไป พวกมันก็จะรีบถลามาให้เชยชมอย่างใกล้ชิด
24.อ่าวต้นไทร
เป็นอ่าวที่สำคัญที่สุดของเกาะพีพีดอน เพราะเป็นท่าเรือหลักของเกาะแห่งนี้ จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเพียบพร้อมด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ที่พัก สถานบันเทิง และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตั้งแต่ถูกยันแพง หรือใครอยากจะเดินทางไปหาดไหน ก็สามารถมาต่อเรือกันได้ที่นี่
25.ชุมชนแหลมสัก
ชุมชนเล็ก ๆ ที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมระหว่างสามเชื้อชาติ ได้แก่ พุทธ มุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน ไฮไลท์การท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทุกคนไม่ควรพลาด นั่นคือ การล่องเรือชมภาพเขียนสีที่มีอยู่มากมายในเขตพื้นที่แหลมสัก โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่ได้ตลอดทั้งปี
26.เกาะพีพีเล
เกาะที่เต็มไปด้วยภูเขาหินปูน มีหน้าผาสูงชันตั้งฉากกับผิวทะเลโดยรอบเกือบทั้งเกาะ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวที่นี่ส่วนใหญ่ จึงมักนิยมมาดำน้ำ โดยที่เกาะพีพีเลยังมีจุดท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ อ่าวปิเละ อ่าวมาหยา และอ่าวโล๊ะซามะ เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนที่รักการดำน้ำอย่างแท้จริง
27.เกาะพีพีดอน
ศูนย์กลางของเกาะพีพี ที่นี่มีทั้งที่พัก ท่าเรือ ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ประกอบด้วยอ่าว 2 อ่าวที่เป็นเวิ้งอ่าวคู่ คืออ่าวต้นไทรและอ่าวโละดาลัม ช่วงเวลาเหมาะในการเที่ยวเกาะพีพีจะอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ช่วงเวลานี้คุณจะเดินทางไปเที่ยวได้เกือบทุกจุดรอบเกาะ ซึ่งถ้าเกินกว่านี้ อาจประสบกับสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ
28.หาดพระแอะ
หนึ่งในหาดสำคัญของเกาะลันตา มีลักษณะเป็นหาดทรายสีแดงปนสีน้ำตาล นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำทะเลได้ แต่ก็ต้องระวังจำพวกโขดหิน และบางช่วงของชายหาดที่ค่อนข้างลึก ด้วยเพราะเป็นชายหาดที่ผู้คนยังไม่พลุกพล่าน จึงเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความเงียบสงบ และการพักผ่อน รื่นรมย์ไปกับแนวทิวสนและแนวต้นมะพร้าวได้แบบชิลๆ
29.เกาะเหลาลาดิง
ตั้งอยู่ในท้องทะเลอันดามัน เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี เป็นเกาะที่มีขนาดไม่ใหญ่ มีชายหาดเล็ก ๆ มีลักษณะเป็นเวิ้งอ่าวหลบอยู่ด้านในของภูเขาหินปูนสองฝั่ง ที่นี่จึงเงียบสงบ มีบรรยากาศส่วนตัวสุด ๆ เหมาะสำหรับคนที่อยากมานอนริมทะเล พักผ่อนกับธรรมชาติอย่างแท้จริง และนักท่องเที่ยวยังสามารถดำน้ำตื้นได้อีกด้วย
30.อ่าวโล๊ะซามะ
ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดดำน้ำตื้นที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเกาะพีพีเล นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล ฝูงปลาน้อยใหญ่จำนวนมาก ดอกไม้ทะเลหลากสีสัน เป็นอาณาจักรโลกใต้น้ำขนาดย่อม ๆ ที่จะทำให้คุณได้เพลิดเพลินกับการเที่ยวทะเลกระบี่ได้แบบไม่รู้เบื่อ
หน้าที่เข้าชม | 70,705 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 56,796 ครั้ง |
เปิดร้าน | 7 ก.พ. 2562 |
ร้านค้าอัพเดท | 15 ก.ย. 2568 |